มวยไทย เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของคนไทย ที่สืบทอดต่อกันมานานจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปัจจุบันมวยไทย ที่เป็นศิลปะการต่อสู้ของคนไทย ถูกนำมาดัดแปลงแก้ไขหลายๆ อย่าง เช่น กฎกติกา สถานที่ต่อสู้ รูปแบบการต่อสู้ เป็นต้น
เป็นเรื่องจริงที่เมื่อเวลาผ่านไป ต้องมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเสมอ มวยไทยปัจจุบันถูกนำมาเป็นสิ่งดึงดูดชาวต่างชาติที่มีความสนใจในวัฒนธรรมของคนไทย ชาวต่างชาติถือว่ามีส่วนอย่างมากในการเปลี่ยนแปลง คนไทยบางส่วนจึงนำมวยไทย มาใช้เป็นเครื่องมือหาเงินจากคนต่างชาติ
ในเชียงใหม่สถานที่ที่ชาวต่างชาตินิยมที่จะเดินทางไปชมมวยไทยเป็นอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่ก็คือ
สนามมวยนานาชาติ ท่าแพ เวลาทำการของสนามมวยแห่งนี้คือ 21.00 น. - 00.00 น. มีมวยไทยให้รับชมทุกวัน จันทร์ - เสาร์ หยุดวันอาทิตย์ ในทุกๆ วันจะมีมวยให้รับชมจำนวน 6 คู่ โชว์มวยพิเศษ 1 ยก ค่าบัตรผ่านประตูราคาสำหรับคนไทย 20 บาทต่อคน ส่วนฝรั่งมี 3 ราคาคือ 500-800-1500 บาทต่อคน ผู้คนที่เข้ามาจะเป็นชาวต่างชาติที่มากับเที่ยวเองหรือมากับทัวร์
การโชว์มวยพิเศษ ในที่นี้หมายถึง การนำมวยไทยมาปรับเปรียบกฏ กติการ รูปแบบทุกอย่าง เพื่อให้ความบันเทิงแก่ชาวต่างชาติ ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากมวยไทยปกติ สิ่งที่นำมาปรับเปลี่ยนเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมนั้นคือ การนำผ้าปิดตามาปิดตา โดยมีผู้แสดงอีก3-5 คนบนเวทีรวมคนที่เป็นกรรมการ 1 คน เมื่อเริ่มโชว์จะมีเพลงและเสียงระฆังดังขึ้น คือการเริ่มให้ทุกคนบนเวที ชกต่อยกัน แบบที่ว่าทุกคนได้เตรียมการกันไว้แล้ว จะไม่มีการชกหัว จะเป็นการชก ลำตัว แขน และ หลัง ของผู้แสดงอื่นๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้แสดงคนอื่นๆ
เกิดคำถามตามมามากมายเมื่อได้ดูการโชว์นี้ สิ่งแรกที่อยากรู้คือ ผู้คนที่มาแสดงโชว์นี้คือใคร เขาทำงานอะไร เหตุใดจึงมาโชว์แบบนี้ มีความคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่ทำ คิดว่าสิ่งที่ทำกำลังทำเป็นการทำลายวัฒนธรรมไทยหรือไม่? จึงได้เกิดการสัมภาษณ์ส่วนตัวกับนักแสดงเหล่านี้ 3 คน คือ
กะลา อายุ 29 ปี
เกิดที่ สบเมย แม่ฮ่องสอน
อยู่เชียงใหม่และทำงานที่นี่มา 5 ปี เคยต่อยมวยสมัยที่เข้าเชียงใหม่มา 4 ปีแรก เลิกต่อยได้ 1 ปี เพราะคิดว่า โชว์มวยพิเศษหารายได้ได้ดีกว่าการต่อยมวย เขาบอกว่าต่อยมวย 1 ครั้ง ได้เงินแค่ไม่กี่ร้อย แล้วกว่าจะได้ต่อยก็ต้องเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 3 - 7 วัน ถึงจะได้ต่อยอีกครั้ง จึงเลือกที่จะเลิกมวยแล้วหันมาโชว์มวยพิเศษเป็นหลักแทน มีรายได้ทุกวันจากการโชว์แค่ไม่กี่นาที และไม่ต้องเหนื่อยและเจ็บตัวต่อยมวยจริงจัง
รายได้ต่อวันของเขาอยู่ที่ 350 - 500 บาท กลางวันก็ทำงานแจกใบปลิวโปรโมทให้สนามมวยได้เพิ่มอีก 100 บาท
กะลาคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ทำให้วัฒนธรรมเสื่อมเสีย คิดว่าการนำมวยไทยมาเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้ดูในอีกรูปแบบหนึ่งคือการสร้างความบันเทิงให้กับชาวต่างชาติ และเราเองก็ได้สนุก เฮฮา และได้เงินจากการทำสิ่งเหล่านี้ด้วย
ชน อายุ 24 ปี
เกิดที่ แม่ฮ่องสอน
อยู่เชียงใหม่มา 4 ปี เรียนจบรัญศาสตร์ มมร.
ตอนนี้ว่างงาน กำลังหาที่สอบเข้าทำงาน ไม่เคยต่อยมวยเลย ได้มาแสดงมวยโชว์ก็เพราะเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่แล้ว มาชวนให้มาแสดงด้วย ทำให้มีรายได้เสริมเลี้ยงตนเอง ในตอนที่ยังหางานหลักไม่ได้ ปกติจะมาแสดงที่นี่ทุกวัน รายได้ต่อวันก็ได้ 200-500 บาท ไม่เกินนี้ บางวันฝรั่งเยอะก็ได้เกือบ 500 บางวันฝรั่งน้อยก็ได้ 200กว่าบาท
ชนคิดว่าการที่นำมวยไทยมาดัดแปลงรูปแบบเพื่อสร้างความบันเทิงแบบนี้เป็นสิ่งไม่ผิด เมื่อคนดูรู้สึกสนุกกับสิ่งที่เราทำ เราก็จะสนุกไปด้วย ถามว่าทำทุกวันแบบนี้เบื่อไหม เขาบอกว่า ไม่เบื่อ ความรู้สึกเหมือนกับเราได้ขึ้นไปเล่นกับเพื่อนบนเวที ไม่คิดว่าเป็นการทำลายวัฒนธรรมของคนไทย
ต้า อายุ 20 ปี
เกิดที่ อ.ฮอด เชียงใหม่
อยู่เชียงใหม่มาตั้งแต่เกิด จบม.6 ก็ไม่ได้เรียนต่อ ออกมาทำงานอยู่ที่นี่ ตอนกลางวันก็มีแจกใบปลิวโปรโมทรายการมวยให้สนามมวยท่าแพ กลางคืนก็มาโชว์มวย เริ่มแรกก็เป็นเด็กแจกใบปลิวอย่างเดียว หลังๆเริ่มถูกชักชวนให้มาแสดงโชว์ด้วย เลยมีรายได้เพิ่มขึ้นมา ปกติแจกใบปลิวจะได้แค่ 100 บาท แต่พอมาโชว์มวยด้วยก็ได้อีก 300 บาท รายได้ต่อวันก็อยู่ที่ 400-500 บาท ทำงานทุกวันก็รู้สึกว่าเงินที่ได้มาก็มีพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองในทุกๆวัน
ความรู้สึกของต้าเมื่อได้แสดงคือ รู้สึกสนุกที่ได้โชว์ให้ฝรั่งดู คิดว่าการนำมวยไทยมาประยุกต์หารายได้และสร้างความบันเทิงให้แก่ชาวต่างชาตินั้นไม่ผิดอะไร ยิ่งเพิ่มรายได้ให้กับคนไทยด้วย จึงคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ผิด
บุคคลเหล่านี้ล้วนแต่ได้ประโยชน์จากการนำวัฒนธรรมของไทย มาใช้เป็นเครื่องมือหาเงินเลี้ยงชีพ โดยไม่ตระหนักว่าเป็นการทำลายวัฒนธรรมของชาวไทยที่สืบทอดต่อกันมานาน นี่คือมุมมองของคนที่ได้รับประโยชน์จากการนำวัฒนธรรมมาใช้หากิน แต่ถ้าเป็นคนภายนอกมอง ก็อาจจะเกิดคำถามตามมาว่า
สิ่งที่คนเหล่านี้ทำ กำลังทำให้ชื่อเสียงของมวยไทยเสื่อมเสียหรือไม่?
แล้วสิ่งที่ชาวต่างชาติได้รับ คืออะไรกันแน่ ?
