ถ้าเราพูดถึงช่างฝีมือเรามักจะนึกถึงช่างเชื่อม,ช่างไฟ และอาชีพอื่นๆ เป็นอาชีพที่ค่อนข้างจะใช้ฝีมือในการประกอบอาชีพซึ่งใครจะไปคิดว่าอาชีพอีกหนึ่งอาชีพที่มีแต่คนมองข้ามและมีรายได้ที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวคืออาชีพ ช่างทาสี
วันนี้ผมจะพาไปดูแคมป์คนงานฝางในเชียงใหม่สิ่งที่จะพูดถึงคือ คุณค่าของช่างฝีมือกับสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ซึ่งแคมป์แรงงานที่เราเห็นทั่วไปส่วนมากเป็นไทใหญ่หรือต่างดาวเป็นส่วนมากที่เข้า มาทำงานซึ่งแคมป์ที่ผมจะกล่าวถึงหรือแคมป์คนงานฝางเป็นแคมป์คนงานของคนไทยที่เป็น เครือญาติกันยกกันมาตั้งถิ่นฐานเข้ามาในตัวเมืองของเชียงใหม่เพื่อหาเงินเอาชีวิตรอดจาก เศรษฐกิจที่ตกต่ำในช่วง2-3ปีที่ผ่านมาจากเดิมเขาทำงานรายวันหรือรับจ้างทั่วไปได้เงินวันละไม่กี่บาท ละไม่มีงานที่คงที่หรือบางวันไม่มีงานเลยเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีเขาจึงต้องย้ายครอบครัวเข้า มาหางานซึ่งแคมป์คนงานดังกล่าวมีคนงานอยู่ในแคมป์ประมาณ30กว่าคนซึ่งน่าตกใจว่าในแคมป์ดังกล่าวเป็นคนไทยและยังมีคนที่จบปริญญาแต่กลับมาอยู่ในแคมป์ตรงนี้ มันเป็นอะไรที่แปลกมาก....
ภายในตัวแคมป์คนงานนี้เป็นที่ดินของเจ้านายหรือนายทุนที่ให้คนกลุ่มนี้เข้ามาอยู่เพราะเป็นคนไทยมีบัตรประชาชนครบถ้วนไม่ต้องหลบหลีกเหมือนต่างด่าวที่เข้ามาทำงานและ มีความเสี่ยงสูงถ้าเทียบกับเงินแน่นอนว่าคนไทยสูงกว่าแต่นายทุนพร้อมที่จะจ้างเพื่อความ สบายใจของเขาและในแคมป์นี้ส่วนมากเป็นช่างทาสีเป็นส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีกรรมกรที่ใช้แรงงานมากเท่าไหร่รายได้อยู่ที่ประมาณ 300 - 400 บาทต่อวันขึ้นอยู่กับว่าฝีมือของเขาผ่านการพิจารณาของนายทุนถ้าฝีมือดีหน่อยจะอยู่ที่ประมาณ400บาทต่อวันและยังไม่พอยังมีสวัดิการที่ลูกพี่หรือนายทุนให้คือค่าน้ำมันรถอยู่ที่ว่าเขาไปทำงานไกลมากน้อยแค่ไหน ถือว่าเป็นเงินที่ค่อนข้างสูงถ้า เทียบกับอาชีพอื่นๆเขาทำงานที่สนามบิน , คูเมือง และที่อื่นๆในเชียงใหม่และภายในแคมป์เป็นพี่น้องกันเกือบทั้งหมดจุดประสงค์ที่เข้ามาในแคมป์นี้เพื่อทำงานเป็นหลักส่วนครอบครัวที่ มีลูกก็เข้ามาเรียนอยู่ในตัวเมืองส่วนมากเรียนอยู่ที่โรงเรียนช่างเคี่ยนและการทำงานของทำงานวันละ9 ชั่วโมงต่อวัน อยู่ในช่วงเวลาประมาณ8.00-16.30 น.ย้ายและเข้ามาอยู่ใรแคมป์นี้ประมาณ3ปีกว่าเป็นการเกิด ชุมชมใหม่เพื่อความอยู่รอดดิ้นรนจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ
การที่มีคนเข้ามาอยู่รวมกันมาในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างไม่ได้รับความสะดวกแต่มัน ตรงข้ามกับความสุขที่กลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่งได้รับกลับมาเขามีการใช้ชีวิตที่ไม่เครียด ไม่เดือด ร้อนเมื่อเข้ามาอยู่ในตัวเมืองและยังสะดวกสะบาย มีเงินเก็บเข้ากระเป๋า รายได้ก็ไม่ได้แย่บาง ครอบครัวเข้ามาทำงานรายได้เข้าบ้าน อย่างต่ำวันละ 500 บางครอบครัวมีรถขับ มีหมอที่คอย ดูแลจากบัตร 30 บาทที่เขามีกันเกือบทุกคนในแคมป์คนงาน หลังเลิกงานมีการจัดปารตี้ เครื่อง ดื่มแอลกฮอล์ มันบอกได้ถึงความสุขของเขารวมไปถึงเด็กๆในแคมป์คนงานที่ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กคนอื่นๆการที่เป็นช่างฝีมือหรือช่างทาสีมันอาจจะฟังดูเล็กน้อยเป็นอาชีพเล็กๆดูไม่ได้มีค่า อะไรมากมายแต่อาชีพนี้สามารถเลี้ยงครอบครัวของเขาได้และเป็นอาชีพหลักในการทำมา หากินให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี
590310218 อนณ พงษ์เรืองเกียรติ
留言