ว่ากันว่า....ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนไทยมักนิยมไป เช่นเดียวกับคนญี่ปุ่นที่มักเดินทางมาประเทศไทย อาจเป็นเพราะทั้งสองประเทศมีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน และมีบางสิ่งที่แตกต่างกัน ซึ่งคนญี่ปุ่นที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย มี 3 ประเภทหลักๆด้วยกัน คือ กลุ่มวัยเกษียณ กลุ่มคนที่เข้ามาทำงานในบริษัทแบบชั่วคราว และกลุ่มคนที่ชื่นชอบและหลงใหลประเทศไทย ซึ่งมีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่ชื่นชอบลักษณะการใช้ชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะจังหวังเชียงใหม่ที่คนญี่ปุ่นนิยมเข้ามาอาศัยอยู่เพราะเป็นเมืองที่ทันสมัยและใกล้ชิดธรรมชาติ และตั้งใจที่จะลงหลักปักฐานอยู่ในเชียงใหม่แบบระยะยาว โดยการสร้างอาชีพหรือธุรกิจส่วนตัว
กลุ่มคนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ มักจะสร้างและเริ่มต้นทำสิ่งที่ตัวเองชื่น โดยคนญี่ปุ่นมักผสมผสานระหว่างกลิ่นอายวัฒนธรรมของไทยและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน นั้นจึงทำให้กลุ่มคนญี่ปุ่นเริ่มเป็นที่สนใจและมีบทบาทร่วมกับคนในท้องถิ่นมากขึ้น
อย่างเช่น คุณโมโมโกะ แก้วดี โทดะ(ศิลปินนักวาดเจ้าของคาแรคเตอร์แมว) ที่ตัดสินใจเข้ามาอยู่ในเชียงใหม่มากกว่า 20 ปี เล่าว่าจุดเริ่มต้นของการเข้ามาอยู่ในเชียงใหม่เพราะเธอสนใจที่จะเข้ามาเรียนการปั้นดินเผา และเมื่อเธอได้เข้ามาอยู่ในจัวหวัดเชียงใหม่สักระยะหนึ่ง เธอก็รู้สึกว่าอยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลย เพราะจังหวัดเชียงใหม่มีความน่าสนใจทางวิถีชีวิตของผู้คน ธรรมชาติ วัฒนธรรม และค่าครองชีพ เมื่อมาอยู่เชียงใหม่แล้วไม่คิดจะกลับไปอยู่ญี่ปุ่นอีกเลย เพราะประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างมีวิถีชีวิตที่ตึงเครียด ไม่มีอิสระ ทำอะไรต้องแข่งกับเวลา และมีค่าครองชีพที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศไทย
แม้การเข้ามาในระยะแรกจะมีความลำบากในการสื่อสาร แต่เธอก็พยายามเรียนรู้และแลกเปลี่ยนภาษากับเด็กนักเรียนในห้องเรียนภาษาไทย ซึ่งเธอเองก็บอกว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่ค่อนข้างยาก แรกๆเธอฟังไม่รู้เรื่องเลย จึงทำให้ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับเด็กๆได้ ระหว่างที่เรียนเธอจึงวาดการ์ตูนคนหัวแมวในลักษณะที่กำลังทำกิจวัตรต่างๆ ทั้งแมวกินข้าว แมวนั่งเรียนหนังสือ แมวเขียนกระดาน เธอจึงกลายเป็นจุดสนใจของเด็กๆ นับแต่นั้นมาเธอก็วาดภาพเป็นคาแรคเตอร์แมวมาตลอด
หลังจากที่เธอได้แต่งงานมีครอบครัวกับแฟนหนุ่มชาวเพชรบูรณ์ เธอและสามีก็มาลงหลักปักฐานอยู่ที่เชียงใหม่ และนั้นก็ทำให้เธอได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนไทยมากขึ้น เธอมักจะถ่ายภาพวิถีชีวิตของคนไทยเอาไว้ แล้วนำเอามาวาดเป็นคาแรคเตอร์แมว เช่น ภาพการทำอาหารของแม่สามี คนเคี้ยวหมาก พ่อค้าแม่ค้าในตลาด แม่ค้าขายส้มตำ เป็นต้น และรวมรวบทำเป็นหนังสือชื่อว่า ' ของขวัญจากประเทศไทย ' ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นเธอยังนำช้างมาเป็นส่วนหนึ่งในผลงานของเธออีกด้วย โดยเธอบอกว่าช้างเสมือนเป็นตัวแทนของคนไทย ส่วนแมวเสมือนเป็นตัวแทนของคนญี่ปุ่น ภาพวาดของเธอจึงเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยในมุมมองที่ดูสนุกเเละเข้าใจง่าย
โดยมากภาพวาดของเธอก็อาจจะเป็นเรื่องราวจากกิจกรรมภายในครอบครัว เช่น การทำอาหาร การออกไปเที่ยว หรือเเม้เเต่ประเพณี การละเล่น เเละวัฒนธรรมไทย ยิ่งเธอได้ศึกษาและเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นกับประเทศไทยมาก เพราะเเม้ญี่ปุ่นกับเชียงใหม่อาจมีความคล้ายคลึงกันในบางอย่าง เเต่สิ่งที่เเตกต่างกันนั้นก็มีมากเช่นกัน เเล้วเธอก็เปิดรับเเละสนุกกับสิ่งเหล่านั้นอย่างมาก เธอจึงใช้วิธีการวาดภาพคนหัวเเมวในหารถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้น เพราะเอาเข้าจริงเเล้วประเทศไทย ถือมีความเชื่อ เเนวคิด ประเพณี วัฒนธรรมที่ละเอียดละอ่อนมาก นั้นถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของประเทศไทยที่เธอรู้สึกทึ่งมาก
อย่างเช่นการไหว้ครู ที่ญี่ปุ่นไม่มีเเบบนี้ เเต่ที่ประเทศไทยมี เเล้วถือเป็นการแสดงความอ่อนน้อม เคารพครูบาอาจารย์ที่จะมาสั่งสอน มาให้วิชาความรู้ นักเรียนที่จะต้องเตรียมสวยดอกไม้ที่ประกอบด้วยดอกไม้สามชนิด ซึ่งเเต่ละดอกก็ยังมีความหมายแฝงในตัวเอง
แต่ทั่งนี้นอกจากเธอจะวาดรูปขายเเล้ว เธอยังนำภาพวาดมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากมาย เช่น เซรามิก สมุดบันทึก ปฏิทิน โปสการ์ด และกระเป๋าผ้า
จิรัญญา มณีรัตนโชติ
590310182
Comments