ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีข่าวมากมายเกี่ยวกับร่างทรง มีทั้งด้านบวกและด้านลบที่ถูกเผยแพร่ออกไปตามสื่อต่างๆ ที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษณ์วิจารณ์และแสดงความเห็นกันในวงกว้าง ในเรื่องนี้มีทั้งคนที่ ' เชื่อ ' และ ' ไม่เชื่อ ' กระแสที่เกิดขึ้นมานั้นเกี่ยวโยงกับความเชื่อที่มีมานานในการนับถือผีหรือศาสนาผี ที่เป็นความเชื่อเรื่องพลังเหนือธรรมชาติหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหากมองในมุมมองของคนที่ไม่เชื่อคงจะเจอคำว่า งมงาย มโน เพ้อเจ้อ ไร้สาระ หรือถ้าหากมองในมุมมองของคนที่เชื่อจะมี ' ความศรัทธา ' ที่เกิดจากการเคารพ ขอพร และสมหวัง ในเรื่องของความเชื่อ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ ทั้งหมดนี้ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันในหลายประเด็นว่าจริงหรือไม่
บทความนี้ทางผู้เขียนอยากจะนำเสนอในมุมมองที่ผู้คนไม่ค่อยได้เห็น นึกถึง หรือมองเห็น คือมุมมองของ ' ความสบายใจ ' ที่ร่างทรงนั้น หากมองอีกมุมสามารถเป็นที่พึ่งทางใจที่หาความสบายใจได้ พูดอีกอย่างคือร่างทรงนั้นสามารถเป็น ' ที่ปรึกษา ' ได้ในยามที่ผู้คนมีเรื่องทุกข์ใจ พอได้มาระบายความทุกข์ใจที่มีนั้นสิ่งที่ทุกคนที่มาได้กลับไปคือความสบายใจ
พี่รัก ร่างทรงท่านนี้ที่เลือกมานำเสนอเพราะเป็นคนที่มีความสบายใจจากตัวตนของเขา ก่อนที่จะเข้าทรงพี่รักเป็นคนธรรมดาที่ยึดหลักคำสอนของศาสนาพุทธในการใช้ชีวิตหรือให้คำปรึกษาทั่วไป ไม่มีการฟ้อนรำหรือทำอะไรแบบร่างทรงที่พบเห็นได้ทั่วไป พี่รักมักจะใส่ชุดขาวทุกวันและจิตใจก็เช่นกัน ช่วงแรกแกกังวลว่า " จะมีคนหาว่าแกเป็นบ้าหรือสติไม่ดีหรือเปล่า แต่พอมีคนมาปรึกษาและคุยอย่างเปิดใจ พวกเขาก็เข้าใจว่าเป็นอย่างไร " หากได้คุยแล้วจะรู้สึกได้ถึงความสบายใจ ที่สำคัญคือทุกครั้งที่มาปรึกษาเรื่องทุกใจกับพี่รักจะ ' ไม่มีการเสียเงินค่าพิธี ' แต่เป็นการให้ด้วยความสะดวกใจ มีก็ให้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร พี่รักได้บอกว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของความเชื่อในมุมมองของสิทธิและเสรีภาพทางศาสนา ทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่อและไม่เชื่อ แต่พยายามมองเป็นกลางและเคารพวัฒนธรรมของเขาให้เป็นที่พึ่งต่อไป
Comments