การอ่านหนังสือเป็นอะไรที่อยู่คู่กับคนเรามาช้านาน คงเป็นเพราะว่าแต่ก่อนในเวลาที่เราว่าง เราก็มักจะหยิบหนังสือมาอ่านคั่นเวลา แต่น่าแปลกที่ปัจจุบันเรากลับเห็นร้านหนังสือที่เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของใครหลาย ๆ ต่างทยอยปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว ร้านที่ยังเหลืออยู่ก็มีบรรยากาศที่ดูเงียบเหงาอย่างที่เห็น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นกันนะ ?
ที่เป็นเช่นนี้ก็อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป หรืออาจจะเพราะสื่อเทคโนโลยีที่เข้ามามอบความสะดวกสบายให้กับเรา จึงทำให้ร้านหนังสือที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะชอบใจของผู้อ่านยามที่ได้อ่านหนังสือเล่มโปรดค่อย ๆ เลือนหายไป และถูกแทนที่ด้วยความเงียบเหงา และอ้างว้าง หรือเพราะสื่อต่าง ๆ ที่มันล่อตาล่อใจมากกว่าการอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบภาพยนตร์หรือโซเชียลมีเดีย ที่มีครบทั้งภาพ เสียง ที่สดและสมจริง จนทำให้ใครหลาย ๆ คนไม่ชอบการอ่านหนังสือไปเสียดื้อ ๆ
แต่คนเหล่านี้คงลืมไปแล้วว่าเสน่ห์ที่แท้จริง ของการอ่านหนังสือนั้นคงหนีไม่พ้นการที่เรา ได้จินตนาการไปตามที่ผู้เขียนต้องการให้เรารู้สึก เพราะเรื่องบางเรื่องก็คงจะไม่มีอะไรอธิบายได้ดีไปกว่าตัวหนังสือ และถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เราคงไม่มีโอกาสจะได้เห็นร้านหนังสือแบบนี้อีกแล้ว หรือแม้กระทั่งมันอาจจะกลายเป็นเพียงความทรงจำอย่างหนึ่งที่ค่อย ๆ เลือนหายไปจากใจของเรา
จากการไปเก็บภาพบรรยากาศร้านเช่าหนังสือ ได้มีการสัมภาษณ์เจ้าของกิจการถึงความ แตกต่างระหว่างในอดีตกับปัจจุบันว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ทางเจ้าของร้านได้กล่าวในทำนองเดียวกันว่า แตกต่างออกไปมาก ในอดีตมักจะมีลูกค้าแวะเวียนมาเพื่อ เช่าหนังสือสม่ำเสมอ แต่ในปัจจุบันร้านค่อนข้างเงียบเหงา อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัยมากขึ้น สามารถอ่านหนังสือผ่านทางโลกออนไลน์ได้แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาเช่าหนังสืออีก ถ้าจำนวนลูกค้ายังคงลดลงต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงจะต้องปิดกิจการไปทำอาชีพอื่นเพื่อความอยู่รอด
ถึงตอนนี้แล้วเราคงต้องหันกลับมาคิดทบทวนดูอีกครั้งว่า เรายังอยากให้มีร้านหนังสือในแบบที่เราเคยเห็น เคยสัมผัสในตอนเด็กอยู่หรือไม่ หรือจะปล่อยให้มันกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานฟัง หรืออาจจะปล่อยให้เวลาดูดกลืนความ ทรงจำนั้นให้หายไปจากเราตลอดกาล
590310183
Comments