สวนสัตว์เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ผู้คนจากหลายที่เข้ามาเยี่ยมชมสวนสัตว์ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้สึกหดหู่กับภาพที่เห็น ทุกคนต่างรู้อยู่ว่าสัตว์คือสิ่งมีชีวิตที่ควรอยู่กับธรรมชาติ ควรมีสภาพแวดล้อมของเขาเอง แม้แต่มนุษย์เองก็ยังไม่อยากถูกกักขังเลย แล้วสัตว์เหล่านั้นเขาอยากอยู่หรือเปล่า?
"ลิง ไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนสุดท้ายก็ต้องมารวมกันอยู่ภายในกรงแคบๆ "
"นก มีปีกเพื่อบินในโลกกว้าง แต่ตอนนี้ได้บินได้แค่ในกรงเหล็ก "
สัตว์ที่มาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่นี่ บ้างก็นำมาจากป่าเพื่อทำการอนุรักษ์ไว้ บ้างก็มีคนนำมาฝากหรือนำมาให้ทางสวนสัตว์นั้นดูแลต่อ ด้วยเหตุผลจำเป็นบางอย่าง หรือแม้กระทั่งบริจาค
ครั้งแรกที่เข้าไปสัมผัสกับสวนสัตว์เชียงใหม่ หลายๆสิ่งหลายๆอย่างได้ผ่านเข้ามาในความคิดอย่างรวดเร็ว ทั้งความรู้สึกแย่ เสียใจ อึดอัด และไม่มีความสุข ภาพต่างๆที่ดูอึดอัด อย่างเช่นที่สัตว์ต่างๆต้องอยู่ภายในกรงเหมือนว่าถูกนำมาด้วยความไม่เต็มใจ ซึ่งมันก็เป็นความจริง สัตว์เหล่านั้นไม่ได้มาที่นี่ด้วยความเต็มใจ คงไม่มีอะไรหรือใคร หรือแม้กระทั่งมนุษย์ก็ตาม ที่จะถูกย้าย เปลี่ยน หรือบังคับให้มาอยู่สถานที่ใหม่โดยที่ไม่พร้อม และธรรมชาติไม่ได้เป็นแบบนั้น
" นกเงือกหัวหงอก ที่ชอบอยู่กันเป็นฝูงเล็กๆกลับได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว "
" นกกระเรียนหงอนพู่ เธอเคยมีขนที่สวยงามตอนนี้เป็นเพียงขนยุ่งเหยิง "
" เสือดำ ผู้ว่องไวในป่าใหญ่ ทำได้แค่อยู่ในป่าเหล็ก "
" ลีเมอร์หางแหวน เคยนั่งอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แต่ตอนนี้นั่งอยู่บนพื้นปูน "
สัตว์บางตัวก็ไม่สามารถปรับตัวเองให้รอดได้ในสภาพแวดล้อมใหม่ ไม่ยอมกินหรือนอน ไม่ขยับร่างกายไปไหนเพราะไม่คุ้นชินกับสถานที่จนสุดท้ายก็ต้องตายไปในที่สุด มีอีกจำนวนมากที่ทางสวนสัตว์นั้นไม่ได้เปิดเผยออกมา และบางครั้งก็ต้องปกปิดไว้เพื่อให้รู้กันแค่วงใน แค่เฉพาะคนที่ทำงานในส่วนพื้นที่นั้นๆ เพราะถ้าเรื่องนั้นออกไปถึงผู้อำนวยการ อาจก่อเกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้
" งูหลามที่ปรับสภาพตนเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ไม่ได้ สุดท้ายชีวิตก็จบลง "
ก่อนการเข้าไปถ่ายภาพแต่ละครั้งข้าพเจ้ามีคำถามอยู่ในหัวเสมอ ว่าทำไมคนเราถึงอยากดูสัตว์ถูกขังไว้ในที่ผิดธรรมชาติเพียงเพื่อให้ผู้คนได้ชื่นชมเพียงชั่วครั้งคราวแล้วจากไป โดยที่ไม่ได้คิดอะไรแค่นั้นหรือ ข้าพเจ้ายังจำครั้งแรกที่ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมสวนสัตว์แห่งนี้ ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกถึงความอึดอัดของการอยู่ไม่ถูกที่ โดยข้าพเจ้าคิดว่าถ้าเป็นตัวข้าพเจ้าเองก็คงอยู่อย่างไม่มีความสุขในสถานที่ที่ไม่ใช่ตามธรรมชาติของข้าพเจ้า
" หมีคน เขาเรียกเธอแบบนั้น หรือเขาคิดว่าเธอเป็นคน จึงนำมาอยู่ในเมือง "
" โคอาล่าตัวน้อย เธอเคยอยู่ในที่เย็นสบายโดยธรรมชาติ แต่วันนี้เธอต้องมาอยู่ห้องแอร์ "
" เคยมีพื้นที่แหวกว่ายในน้ำได้อย่างไม่จำกัด ตรงนี้เหลือแค่พื้นที่แคบๆว่ายชนขอบกระจก "
" เพนกวินจากขั้วโลก เคยเย็นแบบธรรมชาติ วันนี้เย็นในห้องแอร์และอยู่ในห้องกระจกเพื่อให้ผู้คนเข้ามาดู "
ถึงแม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเรื่องของพื้นที่การอยู่อาศัยและอาหารการกินให้ แต่นั้นก็ยังไม่ได้ดีพอสำหรับสัตว์เหล่านี้ สัตว์เหล่านี้ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีมนุษย์มาเลี้ยงดู เขาอยู่กันได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว การที่มนุษย์คอยดูแลทุกอย่างให้ ทำให้สัญชาตญาณความเป็นสัตว์นั้นลดน้อยลง จนอาจไม่เหลืออยู่ ซึ่งนั่นเป็นผลเสียอย่างร้ายแรง ไม่ต่างกับการทำให้สัตว์พิการ ซึ่งถือเป็นการทำร้ายสัตว์โดยทางอ้อม
" เมื่อมีอาหารเอามาให้ ต้องรีบกินไว้ เพราะหากินกันเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว "
เจ้าหน้าที่ต่างก็ทำงานอย่างเต็มที่บ้างและไม่เต็มที่บ้าง อาจจะด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่น้อย และเจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ต้องดูแลในหลายส่วน ซึ่งบางครั้งก็อาจจะทำให้ดูและได้อย่างไม่ทั่วถึง ซึ่งนั้นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ถ้าจะเอาเขาออกมาจากป่าแล้ว แล้วทำไมไม่ดูแลเขาให้ดีที่สุดหล่ะ
ถึงแม้ข้าพเจ้า จะมีโอกาสได้เข้าไปดูในส่วนของการทำงานของเจ้าหน้าที่บ้างเป็นครั้งคราว และได้มีการพูดคุยกันถึงสัตว์ที่ต้องมาอยู่ในนี้บ้าง ซึ่งบางท่านก็ไม่ได้อยากมาเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มาทางสายนี้โดยตรง แต่แค่จับพลัดจับผลูต้องมาทำงานทางสายนี้ ซึ่งอาจทำด้วยความไม่เต็มใจ แต่บางท่านก็รักสัตว์และอยากทำงานทางด้านนี้ แต่นั้นก็ยังคงทำให้ในหัวของข้าพเจ้ายังคงมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าคนเรารักสัตว์จริง เราจะทนเห็นสิ่งที่เรารักต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่ของเขาได้จริงหรือ
สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าคงพูดได้เพียงว่า ช่างน่าสงสารสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้อยู่ตามธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น และเสียใจด้วยที่ต้องมาอึดอัดแบบนี้